วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

Tekkonkinkreet


Tekkonkinkreet
Directed by Michael Arias
Original Created by Taiyo Matsumoto

ต้นฉบับเขียนเมื่อ Dec 14 2008, 10:26 PM

หนังอาจจะเก่าไปนิดนะ ออกปี 2006 แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เจอผู้กำกับฝรั่งในงานอนิเมชั่นที่สร้างและใช้เรื่องจากการ์ตูนในญี่ปุ่น(จากเรื่องblack&white ในชื่อภาษาอังกฤษ) บอกตามตรงว่า ประทับใจมากครับ ทั้งรายละเอียดและการตีความ แล้วท่านผู้กำกับนี่ พูดญี่ปุ่นเก่งมากๆด้วยนะครับ

โดยธรรมดาในความเห็นส่วนตัวเรื่องการ์ตูนเนี่ย ญี่ปุ่นดูจะได้เปรียบกว่าฝรั่งในแง่ความลึกของเนื้อหา และในแง่การนำเสนอความลึกนั้นออกมาเป็นภาพ พูดกันในแง่ตัวการ์ตูนเอง เรื่องนี้แม้ตัวการ์ตูนจะไม่แจ่มมากๆ แต่ก้อดูเข้าถึงและตอบโจทย์ได้ดี ส่วนที่เด่นมากๆอันหนึ่งคือ ฉากในท้องเรื่อง เนี้ยนมากๆ ว่ากันถึงขนาดของเมืองนี่ สุดยอดไปเลย มีการใช้เทคนิค แมปปิ้ง ที่เราใช้เวลาทำ 3d มาใส่ได้ลงตัว ทำให้ได้มุมมองที่ตื่นตาตื่นใจ แต่ยังดูเป็นการ์ตูนอยู่ด้วยไม่แข็งเหมือนที่สร้างจากคอมพิวเตอร์ อีกทั้งในบางฉากก้อมีการผสมเทคนิคภาพเขียนมือ แบบใช้สีไม้ผสมด้วย คือนี่แหละ คือ ฝีมือผู้กำกับจริงๆ ถึงแม้ว่าท้ายสุดเวลาจะไม่พอ จนต้องตัดออก อันนี้ต้องดูเบื้องหลังครับ แต่ก้อยังแสดงถึง มุมมองที่ดีครับทำให้น่าติดตามผลงานชิ้นต่อไป

รายละเอียด ฉากนั้นเกิดในเมือง ที่ชื่อว่า Treasure Town ซึ่งเป็นเหมือนเกาะ มีแม่น้ำล้อม องค์ประกอบในเมืองผู้กำกับนำมาจากหลายๆเมืองในเอเชียมารวมกัน ตัวละคร แบ่งออกได้เป็นกลุ่มๆ คือ ตัวหลักเด็กชายสองคน Black และ White
กลุ่ม ตำรวจ Sawada กับ ผู้กอง Fujimura / กลุ่ม ยากูซ่า ซึ่งมีทั้งตัวดี และตัวเลวรวมๆกันอยู่ คือ Suzuki or Rat, Kimura, The Boss และ Snake / กลุ่มตัวรอง คู่หูDusk กับ Dawn, แก็งค์ The Apaches และคุณปู่ Gramps

คร่าวๆคือ เด็กชายสองคน Black และ White มีอำนาจพิเศษบางอย่างในตัว พวกเขาคุมเมือง ในแบบของพวกเขา (อย่าลืมว่ายังเด็ก) อีกด้านหนึ่ง เมืองนี้ก้อถูก จ้องมองและคาดหวังถึงผลประโยชน์จากกลุ่ม ยากูซ่า ที่หวังจะสร้างศูนย์กลางความบันเทิงในย่านใจกลางเมือง ซึ่งมันให้บังเอิญว่า เด็กสองคนนี้ไปจุกจิก จึงต้องเจอการต่อต้านจากกลุ่มยากูซ่า ในด้านประเด็นลึกๆ ดูๆก้อน่าจะเดาพอได้ว่า เป็นเรื่องของสองขั้ว อีกแล้ว แต่แน่นอนความพิเศษมันอยู่ที่ สองขั้วที่ว่ามันลามไปในทุกตัวละคร เข้าไปในจิตใจ เข้าไปบงการ เข้าไปครอบงำ ตัวละครให้ขับเคลื่อน บางฉากนี่ยังกับดู สตาร์วอร์ส ในแง่แนวความคิดนะ ในบางแง่ สองขั้วเข้าไปครอบงำในด้านดี ในบางด้านไม่ดี แต่หนังเองไม่ปฏิเสธว่า สองขั้วนั้นต้องอยู่ร่วมกัน อย่างอาศัยกันละกัน เหมือน white ที่มีอิทธิพลเล็กๆแต่ยิ่งใหญ่ต่อ black ใน ขณะเดียวกัน black ก้อมีพันธกิจ ในการคุ้มครอง white ในทุกทาง ตัวละครสองตัวนี้แสดง ทิศทางและการดำเนินเรื่องได้ซับซ้อนในระดับหนึ่ง

ตอนผมดูเบื้องหลัง ผู้กำกับออกความเห็นว่า black ช่างเป็นเด็กที่แปลกแยก และโดดเดี่ยว ซึ่งในบางแง่ผมคิดว่ามันช่างเหมือนเด็กในปัจจุบัน ที่เจอทาง สองแพร่งตลอดเวลา คือ แค่ลำพังคิดเองก้อจะไปไม่รอดอยู่แล้ว อีกทั้งความมากมายของข้อมูลที่ประดังเข้ามาด้วย เพียงแต่ black ได้ white กับเพื่อนช่วยฉุดเอาไว้ ผมคิดว่า เด็กหลายคนในโลกแห่งความเป็นจริง คงจะไม่โชคดีอย่าง black ที่มี white อยู่ ยามเมื่อถูกตัวละครที่ผมชอบมากที่สุดตัวหนึ่ง ครอบงำ เพราะมันคือสิ่งที่มีพลังและเปลี่ยนชีวิตใครบางคนได้จริงๆ ตัวละครนั้นคือ ไมโนทอร์ สัตว์ครึ่งคน หัวเป็นกระทิง ที่อาศัยในเขาวงกต ใต้วังของกษัตริย์ไมนอส บนเกาะครีต แต่ในเรื่องนี้ เป็น เด็กที่สวมหน้ากาก กระทิง มีพลังอำนาจมหาศาล ในแง่หนึ่ง ไมโนทอร์เป็นตัวแทนของ จิตใจด้านมืดของคนที่หลงใน เขาวงกต หรือจะเรียกว่า วงวนในใจก้อ น่าจะได้ คือประมาณว่าทางแพร่งนั้นปรากฎในตัวตนของเขาเลย โดยประทับสวมลงไปในรูปของครึ่งสัตว์ครึ่งคน (ผมเคยคิดเล่นๆว่างั้นคำด่าที่เปรียบกับสัตว์ที่มีในแทบทุกวัฒนธรรม มันแสดงถึงสภาวะทางแพร่งในใจของคนรึเปล่า) ต้องยอมรับอีกอย่างว่า ตอนฉากเพ่กระทิงปรากฎ จะเป็นฉากที่ล่องลอย มากๆฉากหนึ่ง ดูแล้วพาลคิดถึง หนังสมัยยุค ฮิปปี้ หรือ พวกเพลงโปรเกรสซีพ มากๆ คือ โทนสีนี่ ไซคีดีลิค มากๆ และตอนจบเป็น ฉากที่สวยมากๆ ฉากหนึ่งครับ

อีกตัวละครที่น่าสนใจ คือ ยากูซ่า กลุ่ม rat ครับ มุมมองและมิติที่ออกมา มันจะเป็นหนังดราม่า อยู่แล้วล่ะครับ ละเอียด ลุ่มลึก ในระดับที่น่าประทับใจฉากที่เกี่ยวเนื่อง นี่ ดูๆไป ถึงกับอึ้ง ในแง่ที่ว่า ไม่ใช่แค่เด็กที่เจอ ทางแพร่ง ผู้ใหญ่ก้อเจอ แต่วิธีที่จัดการ มันจะออก จริงจังมากกว่าก้อเท่านั้น

คือถ้าสนใจและหาเจอ ก้อน่าหามาดูครับ อันนี้เผอิญเจอแต่ บลูเรย์ แต่ตอนหลังเห็นเป็นแผ่น แบบดีวีดี ก้อมีขายเช่นกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น