วันศุกร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

RocknRolla


RocknRolla
Action / Comedy / Crime

Director - Guy Ritchie
Gerard Butler - One Two
Tom Wilkinson - Lenny Cole
Thandie Newton - Stella
Mark Strong - Archy

ต้นฉบับเขียนเมื่อ May 3 2009, 10:41 PM

ถ้าไม่นับเรื่องที่ดูเท่าไหร่ก็ไม่ติด จริงๆเรื่องที่ร่วมงานกับอดีตภรรยาก็ไม่ถึงกับแย่มากทีเดียว เพียงแต่ดูๆไป เจ้มาดอนน่าอาจเล่นดีเกินไปกระมัง เหมือนละครบ้านเราไปนิด ดูแล้วคิดเป็น อั้ม ทำหน้าตาแสยะปากดูถูกคนยังไงยังงั้น / Guy Ritchie มีสไตล์เฉพาะตัวมากๆ จนบางคนบ่นว่าหลายเรื่องคล้ายกันเกินไป แต่มันเป็นสไตล์อ่ะนะ ใจผมคิดเองว่า มันก็เหมือนเราคงบังคับให้ ไอแซนแมน มาทำงานแบบบ้านจัดสรรเมืองไทยไม่ได้ เพราะมันเป็นสไตล์ ไม่ใช่ว่าอันไหนดีหรือไม่ดี ครั้งแรกที่ดู ใจลึกๆยังหวังว่าแก จะกลับมาแจ้งเกิดสดใส เหมือนดั่ง janson button ทำได้ในวงการ f1 (ถ้างวดนี้ไม่เกิด หรือว่าต้องขายบริษัททิ้ง เหมือนฮอนด้าขายทีม f1รึเปล่า ขายเสร็จรุ่งโลด)

เรื่องนี้จะเรียกได้ว่าดูปั๊บ รู้เลยว่าเป็นหนัง Ritchie แถมมีการล้อเลียน (คิดว่านะ) เจ้าของทีมฟุตบอล ให้แฟนๆเสี่ยหมี ได้ขำๆ (นามสกุลนี่ใกล้มากจน อดคิดไม่ได้ว่าตั้งใจแน่นอน) เรื่องนี้เป็นการล้อเลียนถึงอิทธิพลของคนต่างชาติที่เข้ามาหากินในอังกฤษ ช่วงก่อนหน้ารัฐบาลของ กอร์ดอน บราวน์ อังกฤษถือเป็นสวรรค์ของเศรษฐีต่างชาติ อันเนื่องมาจากนโยบายเอื้อประโยชน์ทางภาษี เห็นได้ว่า เศรษฐกิจอังกฤษโตแบบก้าวกระโดดทีเดียว ทั้งตลาดหุ้นตลาดทุน บริษัทห้างร้านแจกโบนัส กันระเบิดเทิดเทิง (เพราะงั้นพอร่วงจึงลงอย่างรุนแรงด้วย) หรือดูได้จาก วงการฟุตบอล ที่เศรษฐีต่างชาติเดินขบวนเข้ามาจับจองสโมสรฟุตบอลกันเต็มไปหมด (เคยเห็นในรายงานพิเศษของ cnn ช่วงหนึ่ง ถึงกับเคลมว่าลอนดอนเป็นเมืองหลวงที่มีคนระดับ อภิมหาเศรษฐีเดินกันมากที่สุดในโลก ถ้าเทียบกันต่อตารางเมตร)

อีกประเด็นที่ ผู้กำกับนำมาเล่นคือ เรื่องต่อเนื่อง และ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในลอนดอน ซึ่งมันเติบโตไปพร้อมกับเมืองและเศรษฐกิจแบบฝาแฝดอ แน่นอนว่าที่ใดมีธุรกิจที่นั่นก็มีนักบัญชีผู้แสนฉลาดและขี้โกงเป็นของคู่กันเพื่อมาอำนวยความสะดวก ซึ่งอันว่าความสะดวกก็ต้องมีผู้ดำเนินงาน ซึ่งก็ได้แก่ มาเฟียเจ้าถิ่นและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่พึ่งพากัน มาเป็นของคู่กัน เพราะที่ใดมีธุรกิจที่นั่น เวลาและความสะดวกเป็นสิ่งสำคัญสุด และที่ใดมีมาเฟียที่นั่นก็มี ลูกน้องทั้งปลายแถวและไม่ปลายแถว ทั้งทำแบบมีสังกัดและแบบอิสระ เป็นของคู่กันด้วย และโดยปกติพวกไร้สังกัดนี่แหละตัวป่วน อ้อ....เรื่องส่วนตัวของแต่ละคนด้วย

หนังเล่นในสไตล์ ผลของการกระทำอันต่อเนื่องที่กระทบกันไปเป็นทอดๆ และชิ่งกันไปมาเหมือนแทงสนุ๊กเกอร์ แคนน่อนไปแคนน่อนมา นั่นหมายถึงไม่ว่าใครก็ตามที่หลุดมาลงโต๊ะ นุ๊ก ตัวนี้ไม่สามารถอยู่เฉยๆได้ ไม่ว่าจะอยากรึไม่ก็ตาม ก็ต้องกระทบกับคนอื่นอยู่ดี / ถ้าเคยผ่านงานสไตล์ Ritchie จะรู้เลยว่า แกชอบเล่นนักพวกประเด็น ผลกระทบเป็นลูกโซ่ และ คนดี(หรือแย่ก็ได้ ส่วนใหญ่จะแย่นะ เหอๆ) มักจะได้ทางแก้ปัญหาที่มาแบบไม่คาดฝัน จากการกระทำของคนอื่น เหมือนๆคนดี(แย่) ผีคุ้มประมาณนั้น จนบางครั้งไม่แน่ใจว่า ผลความชั่วความดี คืออะไร คือเส้นแบ่งมันบางเหลือเกิน

ความชั่ว, ความดี, ชาติ เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่ไม่สามารถวัดได้ ไม่มีมาตรส่วน, ไม่มีตาชั่ง, ไม่ขอบเขตที่แน่นอนตายตัว เราจึงพยายามสร้างปริมณฑลให้สิ่งเหล่านี้ ให้สามารถวัดได้, แทนค่าได้, ตอบแทนได้, ชดใช้ได้ อย่างความดี ความชั่ว แต่คนส่วนใหญ่ แทนค่าด้วยสิ่งที่สามัญกว่า นั่นคือสิ่งของ หรืออะไรก็ได้ที่จับต้องได้ นัยว่าเพื่อทดแทนภาวะเบาปัญญาของเราเอง หรือ เพื่อหลอกตัวเองว่ามันจบแล้ว, มันได้ตอบแทน แต่จริงๆแล้วมันจบหรือไม่หรือมันแค่เป็นการเริ่มต้น คือบางครั้ง ถ้ามองขำๆก็อาจจะรับทราบได้ดีกว่ากระมัง แต่เรื่องนี้ออก ขำแรงทางตรงชนสนั่น

มุมกล้องและการดำเนินสไตล์นี้เริ่มห่างๆไปหลายปีพอกลับมาดูอีกที ก็เลยได้อารมณ์แบบหนังดิบๆ วัยรุ่นๆแต่ผมยอมรับนะว่าถ้าดูบ่อยๆล่ะเบื่อแน่นอน ไม่ใช่ว่าเราจับไต๋อะไรได้หรอก เพราะเรื่องมันก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ เพียงแต่แกน มันเหมือนกันไปหน่อย เลยอาจจะทำให้เบื่อได้ / พูดถึงนักแสดง ก็ใช้ได้นะตามมาตรฐานเหมือนเช่นเคย ผมก็ไม่รู้ว่า มันอาจเป็นเพราะด้วยหนังภาษาอังกฤษเป็นตลาดที่กว้าง บุคคลากรมีให้เลือกมากมายรึเปล่า จึงทำให้ดาราส่วนใหญ่เลยเล่นกันได้ตามมาตรฐาน ดูธรรมชาติ แม้ว่าจะเป็นแค่ดาราตัวประกอบ คือไม่ถึงกับบอกได้เต็มปากว่าแย่มาก (แต่จริงๆดาราบางคนก็เล่นแย่เหมือนกันในบางเรื่อง) / อันนี้เป็นโซน 3 ดูแบบขำๆมันส์ๆ ได้แน่นอน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น