วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

Body of Lies


Body of Lies
Action / Drama / Thriller
Director:Ridley Scott

Leonardo DiCaprio ... Roger Ferris
Russell Crowe ... Ed Hoffman
Mark Strong ... Hani Salaam
Golshifteh Farahani ... Aisha

ต้นฉบับเขียนเมื่อ Mar 11 2009, 08:39 AM

ถ้าจะพูดว่าหนังแนวนี้ (ก่อการร้าย หรือความขัดแย้งในตะวันออกกลาง) ช่วงนี้มีเด่นๆออกมาเยอะก็คงจะไม่ผิดนัก(The Kingdom, Syriana ไม่รู้ว่าควรนับ Iron Man ด้วยหรือไม่หุหุ) และแต่ละเรื่องก็นำเสนอแง่มุมต่างกันไป และแต่ละเรื่องก็ได้ผู้กำกับและนักแสดงมากความสามารถเต็มไปหมด สำหรับดาราแม่เหล็กเรื่องนี้ก็เล่นกันดีตามมาตรฐาน โดยเฉพาะ ลีโอที่หลังจาก Blood Diamond ผมมองเค้าต่างไป เล่นได้และเล่นดีด้วยกับบทที่หนักๆแบบนี้ และถ้าใครชอบ ภาพ ลีโอแบบ โทรมๆใน Blood Diamond ผมว่าเรื่องนี้ไม่ผิดหวัง เพราะโทรมกว่าเดิมมาก เหอๆ

เรื่องนี้เป็นเรื่องของสงครามสายลับในตะวันออกกลางที่เกี่ยวพันกับ กลุ่มก่อการร้ายกลุ่มหนึ่งที่มุ่งมั่นและมีผู้นำที่แข็งแกร่งแถมหลบเก่งอีกต่างหาก (ผมเคยคุยเรื่องประมาณนี้กับคนอเมริกันคนหนึ่งที่เชื่อว่าด้วยเทคโนโลยีของ us. ไม่มีทางที่จะจับ บินลาเดนไม่ได้นอกจากว่าไม่อยากจับเอง แล้วแต่มุมมองครับ) ความมุ่งมั่นของผู้นำนี้เองทำให้ทุกๆปฏิบัติการของกลุ่มนี้รุนแรงและมีประสิทธิภาพ และความที่หลบเก่งจึงเป็นที่ต้องการตัวอย่างยิ่ง ทั้งรัฐบาล us. และรัฐบาลชาติอาหรับ......
อยากให้ลองคิดดูเล่นนะครับว่า เดี๋ยวนี้หนังนั้นผมไม่แน่ใจว่านำหน้าเรื่องจริงหรือเรื่องจริงนำหน้าหนังในเรื่องความรุนแรง ถ้าใครจำได้จะรู้ว่ามีนิยายเล่มหนึ่งของ ทอม เคลนซี ที่ให้ผู้ก่อการร้ายใช้เครื่องบิน ถล่มอเมริกา ในเรื่องนั้นชนที่ รัฐสภา เหล่าผู้นำตายกันเยอะ แต่คนนำเครื่องบินโดยสารนั้นเป็นญี่ปุ่นไม่ใช่ อาหรับ นิยายนี้มาก่อน 11 กย.นานเหมือนกัน

แต่เรื่องนี้กลับไม่ได้มุ่งประเด็นไปที่การไล่ล่าแต่เพียงอย่างเดียว โอเคมันเป็นแกนอันหนึ่ง แต่ผมมองว่าแค่สร้างประเด็น หรือสร้างจุดขึ้นมา แล้วใช้เส้นเชื่อมไปหา ซึ่งผมรู้สึกว่าในกรณีนี้ เส้นที่เชื่อมระหว่างจุด หรือประเด็นทั้งหลายน่าสนใจกว่ามาก...นั่นคือการนำเสนอในแง่บุคคลได้สะใจมาก(มีไฮเทคบ้างตามกระแส) เพราะบุคคลคือผู้สร้างเส้นเชื่อมจุดโดยแท้....หลายคนคงรู้ว่าพื้นที่ ตรงจอร์แดน, ซีเรียและอิรัก มีสงครามบ่อย พวกสายลับมีมาตั้งแต่สมัยสงครามครูเสดนั่นคือเป็นพันปีแล้วครับที่ บริเวณนี้เป็นพื้นที่แย่งชิงข่าวและความได้เปรียบ ไม่มีความแปลกใจเลยถ้าคนที่อยู่แถวนี้(เจ้าหน้าที่ข่าวกรองหรือผู้ก่อการร้าย)หรือคนที่เข้ามาบริเวณนี้(ไม่ว่าจะยิว, มองโกล, อาหรับ หรือฝรั่ง)จะต้องแข็งสุดๆหรือไม่ก็โกหกเก่งสุดๆ (เอาง่ายๆแค่สงครามครูเสดก็หักหลังกันไปมา สร้างข่าวเท็จหลอกกันไปมาอือซ่าแล้ว)

Roger Ferris สายลับภาคสนามที่พูดอาหรับได้ดี เข้ามาทำงานในอิรัก ได้รับการมอบหมายจากหัวหน้า Ed Hoffman ให้ย้ายฐานการทำงานมาอยู่ใน จอร์แดน เพราะได้ข่าวว่า ผู้นำกลุ่มการร้ายคนสำคัญ Al-Saleem หลบซ่อนอยู่ที่นี่ และในฐานะสายลับภาคสนามที่ขาดคน ทำให้ต้องไปขอความร่วมมือจากเจ้าของพื้นที่ อย่าง Hani Salaam หัวหน้าหน่วยสืบราชการลับของจอร์แดน ผู้ยืนกรานถึงหลักความไว้เนื้อเชื่อใจกันระหว่างเพื่อน....มันดูแปลกไหมในวงการที่หลอกกันไปมา...แต่ก็ต้องมีผมเองก็ว่าสำคัญในระดับหนึ่ง สำหรับการหาพันธมิตร บนพื้นฐานแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ร่วมกัน....และระหว่างนั้น Roger Ferrisให้มีเหตุต้องไปหาหมอ เขาเจอกับ พยาบาลสาวสวย อดีตคุณพ่อเป็นชาวอิหร่านอพยพ Aisha (สวยจริงครับยืนยัน คมสุดๆ)ความสัมพันธ์ของทั้งคู่และปฎิบัติการแบบใหม่ จะนำพามาซึ่งสิ่งไม่คาดหวังทั้งปวง พลิกลำกลับหัวกลับหางตลอดเรื่องจนถึงตอนจบ ขนาดว่าเกินความคาดเดา

Ridley Scott กลับมาอีกครั้งด้วยมุมมองเก๋าเกมส์ พร้อมดาราที่เล่นได้เด่นไม่แพ้กันทั้งดาราดังและดาราไม่ดัง นางเอกสวย เล่นได้ตามมาตรฐาน Mark Strong เล่นบทหน.สืบราชการลับได้มีคลาส และรุนแรง แถมมุมมองเรื่องการก่อการร้ายที่เน้นได้โหดขึ้น....แต่เหนือสิ่งอื่นใด ผมว่าหนังตอบโจทย์ที่ตั้งไว้ได้ดีระดับที่ ผมเองตอนแรกก็นึกไม่ถึง แต่พอ บทRoger Ferris พูดปุ๊บผมคิดตามเลยว่า....เออว่ะ มันน่าลองจริงๆ....สิ่งต่อไปคือ คำตอบต่อคำถามที่อเมริกันคนนั้นคุยกับผมเรื่อง บินลาเดน คือเทคโนโลยีไม่ได้เป็นทุกอย่าง...คนครับเพ่ หลากหลายสุด และ คนครับเพ่ที่ยังไง เทคโนโลยีก็ทำตามไม่ได้ เพราะ คอมมันหลอกไม่เป็น ใส่อะไรมันก็ตอบตามนั้น แต่คน ตอแหลได้ตั้งแต่ต้นจนจบ ได้แม้กระทั่ง สร้างเรื่องจากอากาศได้ และอีกครั้งที่มีการใช้สถาปนิกมาเป็นส่วนหนึ่งในตัวละคร เหอๆ สถาปนิกผู้สร้าง สิ่งที่จับต้องได้ วนเวียนมาสู่ กลุ่มกองตดที่ฟุ้งกระจายในอากาศ

แถมคำเด่นให้ซักคำ ขำดี "insa" mean " too fucking bad"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น